รู้จักกับ SET50 Index Futures
SET50 Index Futures ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ สัญญาฟิวเจอร์ส และดัชนี SET50 เมื่อทั้ง 2 ส่วนมารวมกันจึงกลายเป็น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีดัชนี SET50 เป็นสินค้าอ้างอิง
ลักษณะและข้อกำหนดของ SET50 Index Futures
สำหรับ SET50 Index Futures นั้น บมจ. ตลาดอนุพันธ์ได้กำหนดลักษณะและเงื่อนไขดังนี้
สินค้าอ้างอิง
ดัชนี SET50 ซึ่งเป็นสินค้าอ้างอิงของ SET50 Index Futures นี้เป็นดัชนีที่มีการคำนวณแบบถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization Weight) โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงที่ผ่านการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ 50 อันดับแรก
ตัวคูณดัชนี
สัญญา SET50 Index Futures มีตัวคูณดัชนีเท่ากับ 1,000 บาท ต่อ 1 จุด ซึ่งหมายความว่าถ้าดัชนีอยู่ที่ระดับ 300 จุด มูลค่าสํญญาจะเท่ากับ 300 x 1,000 = 300,000 บาท
เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุี
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุมี 4 เดือนได้แก่ มีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม โดยนับไปไม่เกิน 4 ไตรมาส ทำให้ ตามปกติ สัญญา SET50 Index Futures ที่มีการซื้อขายนั้นจะมีทั้งหมด 4 สัญญา เช่น ถ้าวันนี้เป็นวันที่ 24 พ.ย. 2551 สัญญา SET50 Index Futures ที่มีการซื้อขายนั้นจะมีทั้งหมด 4 สัญญา และมีเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุดังนี้
- ธันวาคม 2551
- มีนาคม 2552
- มิถุนายน 2552
- กันยายน 2552
อย่างไรก็ตาม ณ วันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาที่ใกล้สิ้นสุด ตลาดอนุพันธ์จะนำสัญญาถัดไปเข้ามาซื้อขายทันที เช่น วันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาที่สิ้นสุดอายุเดือน ธันวาคม 2551 ตลาดอนุพันธ์จะนำสัญญาที่สิ้นสุดอายุเดือน ธันวาคม 2552 เข้ามาซื้อขายทันที
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำ
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำเท่ากับ 0.1 จุด หมายความว่าราคาของสัญญา SET50 Index Futures ที่มีการซื้อขายกันนั้นจะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายโดยระบุราคาได้ห่างกันไม่ต่ำกว่า 0.1 จุด
- ตัวอย่างของราคาที่สามารถระบุได้มีดังนี้ 300 จุด 300.1 จุด และ 299.5 จุด เป็นต้น
- ตัวอย่างของราคาที่ไม่สามารถระบุได้มีดังนี้ 300.11 จุด 300.25 จุด และ 299.99 จุด เป็นต้น
ช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดแต่ละวัน
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ราคาสูงสุดในวันทำการซื้อขาย (Ceiling Price) ไม่เกิน +30% และราคาต่ำสุด (Floor Price) ไม่ต่ำกว่า 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น ถ้าราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้าเท่ากับ 300 จุด ราคาสูงสุดที่สามารถซื้อขายได้จะไม่เกิน 390 จุด และราคาต่ำสุดที่สามารถซื้อขายได้จะไม่ต่ำกว่า 210 จุด
เวลาซื้อขาย
มี 4 ช่วงเวลาดังนี้
ลำดับที่ |
ชื่อช่วงเวลา |
ช่วงเวลา |
1 |
Pre-open |
9:15 9:45 |
2 |
Morning session |
9:45 12:30 |
3 |
Pre-open |
14:00 14:30 |
4 |
Afternoon session |
14:30 16:55 |
เวลาซื้อขาย
วันซื้อขายวันสุดท้ายของทุกสัญญานั้นเป็นวันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ โดยตัวอย่างของวันซื้อขายวันสุดท้ายมีดังนี้
เดือนและ ค.ศ. ที่สัญญาหมดอายุ |
วันซื้อขายวันสุดท้าย |
ธันวาคม 2008 |
29 ธ.ค. 2551 |
มีนาคม 2009 |
30 มี.ค. 2552 |
มิถุนายน 2009 |
29 มิ.ย. 2552 |
กันยายน 2009 |
29 ก.ย. 2552 |
ธันวาคม 2009 |
29 ธ.ค. 2552 |
นอกจากนั้น ในวันซื้อขายสุดท้ายของแต่ละสัญญา สัญญานั้นจะมีการซื้อขายสิ้นสุดในเวลา 16.30 น.
ราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายสุดท้าย
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ใช้ค่าเฉลี่ยถึงทศนิยมที่ 2 ตำแหน่งของดัชนี SET50 ในวันสุดท้ายของการซื้อขายในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และค่าดัชนีราคาปิดของวันนั้น หลังจากตัดค่าที่มากที่สุด 3 ค่า และค่าที่น้อยที่สุด 3 ค่าออก
วิธีส่งมอบ / ชำระราคา
ในการซื้อขาย SET50 Index Futures เป็นการส่งมอบเฉพาะกำไร/ขาดทุน จึงมีการชำระราคาเป็นเงินสดเท่านั้น (Cash Settlement)
ลักษณะและข้อกำหนดของ SET50 Index Futures
Single Order
การใช้อักษรย่อสำหรับสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Single Order ประกอบด้วย 3 ส่วนดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 |
ส่วนที่ 2 |
ส่วนที่ 3 |
S50 |
Z |
09 |
ส่วนที่ 1 : สินค้าอ้างอิง เนื่องจากสินค้าอ้างอิงของ Index Futures มีเพียงดัชนี SET50 เท่านั้น ในส่วนที่ 1 นี้จึงใช้ S50 แทนดัชนี SET50
ส่วนที่ 2 : เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้อักษรย่อหนึ่งตัวแทนชื่อเดือนดังนี้
เดือนที่สัญญาสิ้นสุด |
อักษรย่อ |
มีนาคม |
H |
มิถุนายน |
M |
กันยายน |
U |
ธันวาคม |
Z |
ส่วนที่ 3 : ปีที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้ตัวเลข 2 ตัวสุดท้ายตามปี ค.ศ. เช่น ค.ศ. 2008 ใช้ตัวย่อเป็น 08 และ ค.ศ. 2009 ใช้ตัวย่อเป็น 09 เป็นต้น
ตัวอย่างอักษรย่อสำหรับสัญญา SET50 Index Futures แบบ Single Order
Combination Order
การใช้อักษรย่อสำหรับสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Combination Order ประกอบด้วย 5 ส่วนดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 |
ส่วนที่ 2 |
ส่วนที่ 3 |
ส่วนที่ 4 |
ส่วนที่ 5 |
S50 |
U |
09 |
Z |
09 |
ส่วนที่ 1 : สินค้าอ้างอิง เนื่องจากสินค้าอ้างอิงของ Index Futures มีเพียงดัชนี SET50 เท่านั้น ในส่วนที่ 1 นี้จึงใช้ S50 แทนดัชนี SET50
ส่วนที่ 2 และส่วนที่ 4 : เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้อักษรย่อหนึ่งตัวแทนชื่อเดือนดังนี้
เดือนที่สัญญาสิ้นสุด |
อักษรย่อ |
มีนาคม |
H |
มิถุนายน |
M |
กันยายน |
U |
ธันวาคม |
Z |
ส่วนที่ 3 และส่วนที่ 5 : ปีที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้ตัวเลข 2 ตัวสุดท้ายตามปี ค.ศ. เช่น ค.ศ. 2008 ใช้ตัวย่อเป็น 08 และ ค.ศ. 2009 ใช้ตัวย่อเป็น 09 เป็นต้น
ตัวอย่างการซื้อขายสัญญาด้วย Combination Order
1. ในกรณีที่นักลงทุนส่งคำสั่ง ซื้อ S50U09Z09 ที่ราคา 1 จุด หมายความว่า นักลงทุนต้องการซื้อ S50Z09 และขาย S50U09 พร้อมกัน โดยราคาของ S50Z09 ลบด้วย ราคาของ S50U09 ต้องไม่สูงกว่า 1 จุด
2. ในกรณีที่นักลงทุนส่งคำสั่ง ขาย S50M09Z09 ที่ราคา 2 จุด หมายความว่า นักลงทุนต้องการขาย S50Z09 และซื้อ S50M09X พร้อมกัน โดยราคาของ S50Z09 ลบด้วย ราคาของ S50M09 ต้องไม่ต่ำกว่า 2 จุด
ตัวอย่างอักษรย่อสำหรับสัญญา SET50 Index Futures แบบ Combination Order
S50H09M09 |
S50H09U09 |
S50H09Z09 |
S50M09U09 |
S50M09Z09 |
S50U09Z09 |
การหยุดการซื้อขาย (Circuit Breaker)
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ราคาสูงสุดในวันทำการซื้อขาย (Ceiling Price) ไม่เกิน +30% และราคาต่ำสุด (Floor Price) ไม่ต่ำกว่า 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้มี Circuit Breaker ซึ่งอ้างอิงกับ Circuit Breaker ของตลาดหลักทรัพย์ โดยถ้าตลาดหลักทรัพย์หยุดการซื้อขายอันเนื่องมาจาก
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 10% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 20% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
ตลาดอนุพันธ์จะหยุดการซื้อขายด้วยเช่นกัน
กรณี Combination order ตลาดอนุพันธ์กำหนดราคาสูงสุดต่ำสุดในแต่ละวันโดยใช้ Daily Settlement Price ล่าสุดของเดือนไกล ลบด้วยเดือนใกล้ (Far - Near) +10 จุด เป็นราคาสูงสุด และ 10 จุด เป็นราคาต่ำสุดของ series คู่นั้นๆ
การถือครองฐานะจนสิ้นสุดอายุสัญญา
สัญญา SET50 Index Futures ที่ถูกถือครองจนครบอายุจะถูก Mark-to-Market ณ สิ้นวันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญารุ่นนั้นๆเป็นการชำระราคาครั้งสุดท้าย นักลงทุนผู้ถือครองจะได้ส่วนต่างระหว่างต้นทุนสุดท้ายที่ถืออยู่กับราคาเพื่อการชำระราคาครั้งสุดท้าย (Final Settlement Price) ถือเป็นการปิดฐานะสัญญาไปโดยอัตโนมัติ
นักลงทุนมีภาระในการชำระค่านายหน้าซื้อขายจากการชำระราคาครั้งสุดท้ายนี้ด้วย
จำนวนการถือครองสูงสุด (Speculative Position Limit)
นักลงทุนห้ามมีฐานะสุทธิรวมใน SET50 Index Futures และ SET50 Index Options เมื่อคำนวณฐานะเทียบเท่าฐานะใน SET50 Index Futures ในเดือนใดเดือนหนึ่งหรือทุกเดือนรวมกันเกินกว่า 20,000 สัญญา
ระดับต้องรายงาน (Reportable Limit)
สำนักงาน กลต. และ ตลาดอนุพันธ์ กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องรายงานรายชื่อของนักลงทุนที่ถือครองฐานะสัญญาเทียบเท่า SET50 Index Futures เท่ากับหรือมากกว่า 500 สัญญา โดยคิดจากสัญญาซื้อขายเดือนใดเดือนหนึ่ง และสุทธิจากสัญญาซื้อและขายทุกเดือนรวมกัน อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังสามารถเพิ่มการถือครองได้จนไม่เกินระดับวงเงินอนุมัติ หรือ จำนวนการถือครองสูงสุด (Speculative Position Limit) ตามประกาศของตลาดอนุพันธ์
กลยุทธ์ซื้อขาย
การเก็งกำไรทิศทาง
SET50 Index Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ทั้งในภาวะที่ตลาดหุ้นขึ้นและในภาวะที่ตลาดหุ้นลง เพราะ SET50 Index Futures นั้นไม่มีการส่งมอบจริงระหว่างคู่สัญญา แต่ใช้วิธีชำระราคาเป็นเงินสด ซึ่งเป็นกระบวนการจ่ายหรือรับเงินตามกำไรขาดทุนที่เกิดจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายกับราคาที่ใช้ชำระราคา อันเป็นผลให้นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมดังต่อไปนี้ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
1. ซื้อก่อน ขายทีหลัง เพื่อใช้เก็งกำไรในภาวะตลาดขาขึ้น
2. ขายก่อน ซื้อคืนทีหลัง เพื่อใช้เก็งกำไรในภาวะตลาดขาลง
กลยุทธ์ซื้อขายส่วนต่างระหว่างฟิวเจอร์สต่างประเภทกัน
นอกเหนือจากการซื้อขายเพิ่อเก็งกำไรบนทิศทางของหุ้นอ้างอิงแล้ว นักลงทุนยังสามารถทำกลยุทธ์อื่นที่ใช้สัญญาฟิวเจอร์ส 2 สัญญาพร้อมกันได้ โดยกลยุทธ์ที่นิยมมี 2 กลยุทธ์คือ
1. กลยุทธ์ Calendar Spread
องค์ประกอบของกลยุทธ์
กลยุทธ์ Calendar Spread หรือที่อาจจะรู้จักกันในชื่อ กลยุทธ์ Inter-Month Spread เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วย
- การซื้อ สัญญาฟิวเจอร์ส 1 สัญญา
- การขาย สัญญาฟิวเจอร์ส 1 สัญญา (สินค้าอ้างอิงเดียวกัน แต่เดือนหมดอายุไม่ตรงกัน)
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ S50U08 และ ขาย S50Z08 (ซื้อใกล้ ขายไกล)
- ขาย S50M09 และ ซื้อ S50U09 (ซื้อไกล ขายใกล้)
วัตถุประสงค์ในการใช้กลยุทธ์
- นักลงทุนมีฐานะในสัญญาซึ่งไม่มีสภาพคล่องมากพอ แต่ต้องการปิดฐานะ
ตัวอย่างเช่น สมมุติ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 นาย ก มีสถานะซื้อในสัญญา S50Z09 และตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงมามากแล้ว ทำให้ต้องการปิดสถานะ แต่ทว่าสัญญา S50Z09 เป็นสัญญาที่ไกลที่สุดทำให้ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง
ดังนั้น นักลงทุนควรขาย S50H09 หรือ S50M09 ในจำนวนเท่ากันเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อน (หยุดขาดทุน) และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อมีสภาพคล่องเพียงพอ
- นักลงทุนมีฐานะในสัญญาหนึ่งต้องการปิดฐานะ แต่มีสัญญาอื่นที่มีราคาดีกว่ามาก
ตัวอย่างเช่น สมมุติ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2552 นาย ก มีสถานะซื้อในสัญญา S50M09 และต้องการปิดสถานะเพราะราคาปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว ทว่า สัญญา S50U09 มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ S50M09
ดังนั้น นักลงทุนควรขาย S50U09 ในจำนวนเท่ากันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ก่อน (ล็อคกำไร) และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อราคาของ S50M09 เพิ่มขึ้นเทียบกับ S50U09
- เก็งกำไรส่วนต่างของราคาโดยตรง
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน ผลต่างของราคา (S50Z09 S50U09) เท่ากับ 2 บาท แต่นักลงทุนคาดว่า ผลต่างของราคา (S50Z09 S50U09) จะลดลง
ดังนั้น นักลงทุนจึงส่งคำสั่งขาย S50U09Z09 ที่ราคา 2 บาท และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อผลต่างของราคา (S50Z09 S50U09) ลดลงโดยการส่งคำสั่งซื้อ S50U09Z09
ข้อควรทราบ
- การซื้อขายของกลยุทธ์นี้คือ ต้นทุนไป-กลับ จะสูงกว่าต้นทุนของการซื้อขายเก็งกำไรทิศทางปกติประมาณ 2 เท่า
- กลยุทธ์ Calendar Spread สามารถส่งคำสั่งซื้อขายด้วย Combination Order ได้
2. กลยุทธ์ Inter-Market Spread
องค์ประกอบของกลยุทธ์
กลยุทธ์ Inter-Market Spread เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วย
- การซื้อ สัญญาฟิวเจอร์ส X สัญญา
- การขาย สัญญาฟิวเจอร์ส Y สัญญา (สินค้าอ้างอิงไม่ตรงกัน และมีประเภท Market ต่างกัน)
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ S50Z09 และ ขาย ADVANCZ09
- ขาย S50M09 และ ซื้อ PTTM09
วัตถุประสงค์ในการใช้กลยุทธ์
นักลงทุนคาดว่าสินค้าอ้างอิงหนึ่งจะมีผลตอบแทนสูงกว่า (Outperform) สินค้าอ้างอิงอีกอันหนึ่ง ที่มีประเภท Market ต่างกัน
ตัวอย่างเช่น นาย ก คาดว่า ดัชนี SET50 น่าจะ Outperform ADVANC (คาดว่าส่วนต่างของผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มขึ้น)
ดังนั้น นักลงทุนสามารถทำ Inter-Market Spread ได้โดย
- ซื้อ S50U09 ที่ราคา 300.8 จุด จำนวน 1 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ซื้อเท่ากับ 300.8 x 1 x 1,000 = 300,800 บาท)
- ขาย ADVANCU09 ที่ราคา 75.9 บาท จำนวน 4 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ขายเท่ากับ 75.9 x 4 x 1,000 = 303,600 บาท)
เมื่อต้องการปิดฐานะนักลงทุนสามารถทำได้โดย ขาย S50U09 จำนวน 1 สัญญา และซื้อ ADVANCU09 จำนวน 4 สัญญา
ข้อควรทราบ
- การซื้อขายของกลยุทธ์นี้คือ ต้นทุนไป-กลับ จะสูงกว่าต้นทุนของการซื้อขายเก็งกำไรทิศทางปกติประมาณ 2 เท่า
- กลยุทธ์ Inter-Market Spread ไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายด้วย Combination Order ได้
ค่านายหน้าซื้อขายและค่าธรรมเนียม SET50 Index Futures
การจัดเก็บค่านายหน้าเป็นแบบขั้นบันไดโดยนับย้อนไปตั้งแต่สัญญาที่หนึ่ง (Sliding Scale First Contract) ตามจำนวนสัญญาต่อวัน (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหหรับการซื้อขายแบบปกติ (Offline) และการซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) ดังนี้
ตัวอย่างเช่น
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 1 สัญญาต่อวัน ผ่านการซื้อขายแบบปกติ (Offline) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 450 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 1 สัญญาต่อวัน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 410 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 10 สัญญาต่อวัน ผ่านการซื้อขายแบบปกติ (Offline) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 350 x 10 = 3,500 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 10 สัญญาต่อวัน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 320 x 10 = 3,200 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 25 สัญญาต่อวัน ผ่านการซื้อขายแบบปกติ (Offline) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 250 x 25 = 6,250 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา S50Z11 25 สัญญาต่อวัน ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ 230 x 25 = 5,750 บาท
|