รู้จักกับ Single Stock Futures
Single Stock Futures ประกอบด้วย 2 ส่วนสำคัญ ได้แก่ สัญญาฟิวเจอร์ส และหุ้นสามัญหนึ่งหุ้น เมื่อทั้ง 2 ส่วนมารวมกันจึงกลายเป็น สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีหุ้นสามัญหนึ่งหุ้นเป็นสินค้าอ้างอิง
ลักษณะและข้อกำหนดของ Single Stock Futures
สำหรับ Single Stock Futures นั้น บมจ. ตลาดอนุพันธ์ได้กำหนดลักษณะและเงื่อนไขดังนี้
สินค้าอ้างอิง
ปัจจุบัน บมจ. ตลาดอนุพันธ์ได้ประกาศให้ Single Stock Futures นั้นมีหุ้นสามัญอ้างอิงของบริษัทต่าง ๆ ดังต่อ ไปนี้
ชื่อย่อหลักทรัพย์ |
ชื่อเต็มบริษัท |
วันซื้อขายวันแรก |
ADVANC |
บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) |
24 พ.ย. 2551 |
BANPU |
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
BAY |
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
BBL |
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
BTS |
บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
CPALL |
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
CPF |
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
DTAC |
บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
HMPRO |
บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
IRPC |
บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
ITD |
บริษัท อิตาเลียน ไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
IVL |
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
KBANK |
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
KTB |
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
LH |
บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
MINT |
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
PS |
PS : บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
PTT |
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) |
24 พ.ย. 2551 |
PTTEP |
ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) |
24 พ.ย. 2551 |
QH |
บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
SCB |
ธนาคารไทยพาณิชย์ กัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
SCC |
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
STA |
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
TCAP |
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
THAI |
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
TMB |
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
TOP |
บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
TTA |
บริษัท โทรีเซน ไทย เอเยนต์ซีส์ (มหาชน) |
22 มิ.ย. 2552 |
TUF |
บริษัท ไทยยูเนียน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
TRUE |
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) |
21 มี.ค. 2554 |
ขนาดสัญญา
เมื่อสัญญา Single Stock Futures เริ่มซื้อขายในวันแรก สัญญา Single Stock Futures นั้น ๆ จะมีขนาดสัญญาเท่ากับ 1,000 หุ้น อย่างไรก็ตามหลังจากที่มี Corporate Action เกิดขึ้น ขนาดของสัญญาอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ นักลงทุนจึงต้องพึงระวังไว้ว่าขนาดสัญญาสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลังจากมี Corporate Action
เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุมี 4 เดือนได้แก่ มีนาคม มิถุนายน กันยายน และธันวาคม โดยนับไปไม่เกิน 4 ไตรมาส ทำให้ ตามปกติ สัญญา Single Stock Futures ที่มีการซื้อขายนั้นจะมีทั้งหมด 4 สัญญา เช่น ถ้าวันนี้เป็นวันที่ 24 พ.ย. 2551 สัญญา Single Stock Futures ที่มีการซื้อขายนั้นจะมีทั้งหมด 4 สัญญา และมีเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุดังนี้
- ธันวาคม 2551
- มีนาคม 2552
- มิถุนายน 2552
- กันยายน 2552
อย่างไรก็ตาม ณ วันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาใกล้ที่สุด ตลาดอนุพันธ์จะนำสัญญาถัดไปเข้ามาซื้อขายทันที เช่น วันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญาที่สิ้นสุดอายุเดือน ธันวาคม 2551 ตลาดอนุพันธ์จะนำสัญญาที่สิ้นสุดอายุเดือน ธันวาคม 2552 เข้ามาซื้อขายทันทีี
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำ
ช่วงราคาซื้อขายขั้นต่ำเท่ากับ 0.01 บาท หมายความว่าราคาของสัญญา Single Stock Futures ที่มีการซื้อขายกันนั้นจะสามารถส่งคำสั่งซื้อขายโดยระบุราคาได้ห่างกันไม่ต่ำกว่า 0.01 บาท
- ตัวอย่างของราคาที่สามารถระบุได้มีดังนี้ 50 บาท 50.01 บาท 100.01 บาท และ 100.02 บาท เป็นต้น
ช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาสูงสุดแต่ละวัน
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ราคาสูงสุดในวันทำการซื้อขาย (Ceiling Price) ไม่เกิน +30% และราคาต่ำสุด (Floor Price) ไม่ต่ำกว่า 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น ถ้าราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้าเท่ากับ 50 บาท ราคาสูงสุดที่สามารถซื้อขายได้จะไม่เกิน 65 บาท และราคาต่ำสุดที่สามารถซื้อขายได้จะไม่ต่ำกว่า 35 บาท
เวลาซื้อขาย
มี 4 ช่วงเวลาดังนี้
ลำดับที่ |
ชื่อช่วงเวลา |
ช่วงเวลา |
1 |
Pre-open |
9:15 9:45 |
2 |
Morning session |
9:45 12:30 |
3 |
Pre-open |
14:00 14:30 |
4 |
Afternoon session |
14:30 16:55 |
วันซื้อขายวันสุดท้าย
วันซื้อขายวันสุดท้ายของทุกสัญญานั้นเป็นวันทำการก่อนวันทำการสุดท้ายของเดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ โดยตัวอย่างของวันซื้อขายวันสุดท้ายมีดังนี้
เดือนและ ค.ศ. ที่สัญญาหมดอายุ |
วันซื้อขายวันสุดท้าย |
มิถุนายน 2009 |
29 มิ.ย. 2552 |
กันยายน 2009 |
29 ก.ย. 2552 |
ธันวาคม 2009 |
29 ธ.ค. 2552 |
มีนาคม 2510 |
30 มี.ค. 2553 |
มิถุนายน 2510 |
29 มิ.ย. 2553 |
นอกจากนั้น ในวันซื้อขายสุดท้ายของแต่ละสัญญา สัญญานั้นจะมีการซื้อขายสิ้นสุดในเวลา 16.30 น.
ราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายสุดท้าย
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ใช้ค่าเฉลี่ยถึงทศนิยมที่ 2 ตำแหน่งของราคาสินค้าอ้างอิง ในวันสุดท้ายของการซื้อขายในช่วง 15 นาทีสุดท้าย และราคาปิดของสินค้าอ้างอิงในวันนั้น (ไม่มีการถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณการซื้อขาย)
วิธีส่งมอบ / ชำระราคา
ในการซื้อขาย Single Stock Futures เป็นการส่งมอบเฉพาะกำไร/ขาดทุน จึงมีการชำระราคาเป็นเงินสดเท่านั้น (Cash Settlement)
อักษรย่อและสัญลักษณ์
Single Order
การใช้อักษรย่อสำหรับสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Single Order ประกอบด้วย 4 ส่วนดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 |
ส่วนที่ 2 |
ส่วนที่ 3 |
ส่วนที่ 4 |
ABCDEF |
Z |
09 |
X |
ส่วนที่ 1 : สินค้าอ้างอิง ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนอักษรหรือตัวเลขรวมกันตั้งแต่ 2 ตัวถึง 6 ตัว
ส่วนที่ 2 : เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้อักษรย่อหนึ่งตัวแทนชื่อเดือนดังนี้
เดือนที่สัญญาสิ้นสุด |
อักษรย่อ |
มีนาคม |
H |
มิถุนายน |
M |
กันยายน |
U |
ธันวาคม |
Z |
ส่วนที่ 3 : ปีที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้ตัวเลข 2 ตัวสุดท้ายตามปี ค.ศ. เช่น ค.ศ. 2008 ใช้ตัวย่อเป็น 08 และ ค.ศ. 2009 ใช้ตัวย่อเป็น 09 เป็นต้น
ส่วนที่ 4 : การปรับเงื่อนไขสัญญา ในกรณีที่มีการปรับเงื่อนไขสัญญา โดยอาจจะเกิดจาก Corporate Action ต่าง ๆ และมีผลให้มีการปรับเงื่อนไขในสัญญาบางอย่างเช่น ชื่อสินค้าอ้างอิง ขนาดสัญญา ราคาของสัญญา หรือจำนวนสัญญา เป็นต้น ตลาดอนุพันธ์จะใช้ตัวอักษร 1 ตัวเพื่อบ่งบอกว่ามีการปรับเงื่อนไขสัญญาเกิดขึ้นดังนี้
- X แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 1
- Y แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 2
- Z แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 3
อย่างอักษรย่อสำหรับสัญญา Single Stock Futures แบบ Single Order
Combination Order
การใช้อักษรย่อสำหรับสัญญาฟิวเจอร์สแบบ Combination Order ประกอบด้วย 7 ส่วนดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 |
ส่วนที่ 2 |
ส่วนที่ 3 |
ส่วนที่ 4 |
ส่วนที่ 5 |
ส่วนที่ 6 |
ส่วนที่ 7 |
ABCDEF |
U |
09 |
X |
Z |
09 |
X |
ส่วนที่ 1 : สินค้าอ้างอิง ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนอักษรหรือตัวเลขรวมกันตั้งแต่ 2 ตัวถึง 6 ตัว
ส่วนที่ 2 และส่วนที่ 5 : เดือนที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้อักษรย่อหนึ่งตัวแทนชื่อเดือนดังนี้
เดือนที่สัญญาสิ้นสุด |
อักษรย่อ |
มีนาคม |
H |
มิถุนายน |
M |
กันยายน |
U |
ธันวาคม |
Z |
ส่วนที่ 3 และส่วนที่ 6 : ปีที่สัญญาสิ้นสุดอายุ ใช้ตัวเลข 2 ตัวสุดท้ายตามปี ค.ศ. เช่น ค.ศ. 2008 ใช้ตัวย่อเป็น 08 และ ค.ศ. 2009 ใช้ตัวย่อเป็น 09 เป็นต้น
ส่วนที่ 4 และส่วนที่ 7 : การปรับเงื่อนไขสัญญา ในกรณีที่มีการปรับเงื่อนไขสัญญา โดยอาจจะเกิดจาก Corporate Action และมีผลให้มีการปรับเงื่อนไขในสัญญาบางอย่างเช่น ชื่อสินค้าอ้างอิง ขนาดสัญญา ราคาของสัญญา หรือจำนวนสัญญา เป็นต้น ตลาดอนุพันธ์จะใช้ตัวอักษร 1 ตัวเพื่อบ่งบอกว่ามีการปรับเงื่อนไขสัญญาเกิดขึ้นดังนี้
- X แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 1
- Y แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 2
- Z แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 3
ตัวอย่างการซื้อขายสัญญาด้วย Combination Order
- ในกรณีที่นักลงทุนส่งคำสั่ง ซื้อ PTTU09Z09 ที่ราคา 1 บาท หมายความว่า นักลงทุนต้องการซื้อ PTTZ09 และขาย PTTU09 พร้อมกัน โดยราคาของ PTTZ09 ลบด้วย ราคาของ PTTU09 ต้องไม่สูงกว่า 1 บาท
- ในกรณีที่นักลงทุนส่งคำสั่ง ขาย PTTU09XZ09X ที่ราคา 2 บาท หมายความว่า นักลงทุนต้องการขาย PTTZ09X และซื้อ PTTU09X พร้อมกัน โดยราคาของ PTTZ09X ลบด้วย ราคาของ PTTU09X ต้องไม่ต่ำกว่า 2 บาท
ตัวอย่างอักษรย่อสำหรับสัญญา Single Stock Futures แบบ Combination Order
PTTH09M09 |
PTTEPH09M09 |
ADVANCH09M09 |
PTTH09U09 |
PTTEPH09U09 |
ADVANCH09U09 |
PTTH09Z09 |
PTTEPH09Z09 |
ADVANCH09Z09 |
PTTM09U09 |
PTTEPM09U09 |
ADVANCM09U09 |
PTTM09Z09 |
PTTEPM09Z09 |
ADVANCM09Z09 |
PTTU09Z09 |
PTTEPU09Z09 |
ADVANCU09Z09 |
ผลของ Corporate Action
Corporate Action คืออะไร
Corporate Action หมายถึง เหตุการณ์ที่กระทำโดยบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีผลกระทบต่อหลักทรัพย์ที่ออกโดยบริษัทจดทะเบียนฯนั้น เช่น Stock Split, Reverse Stock Split, Cash Dividend, Stock Dividend (Bonus Issue), Merger, Name Change, Spin-off, และ Warrant Issue เป็นต้น
บ่อยครั้ง Corporate Action ทำให้ มีการเปลี่ยนแปลงของราคาพาร์ด้วย โดยมีตัวอย่างดังนี้
ไม่มีผลกระทบต่อราคาพาร์ |
มีผลกระทบต่อราคาพาร์ |
Name Change
Cash Dividend
Extraordinary Cash Dividend |
Stock Split
Reverse Stock Split
Stock Dividend
|
หลักการปรับเงื่อนไขสัญญา
เนื่องจากสัญญา Single Stock Futures นั้นมีหุ้นเป็นสินค้าอ้างอิง ทำให้เมื่อบริษัทจดทะเบียนฯ ที่มีหุ้นเป็นสินค้าอ้างอิงนั้นมี Corporate Action เกิดขึ้น ตลาดอนุพันธ์และสำนักหักบัญชีจะต้องมีการปรับเงื่อนไขของสัญญาที่ได้รับผลกระทบเพื่อลดผลกระทบหรือให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดแก่นักลงทุน
อย่างไรก็ตาม Corporate Action ก็มีอยู่หลายประเภท แต่มีบางประเภทที่ไม่จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา เช่น การจ่ายเงินปันผลปกติ (Ordinary Cash Dividend) เป็นต้น
ตลาดอนุพันธ์สามารถเลือกดำเนินการปรับเงื่อนไขสัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างพร้อมกัน ดังนี้
- รหัสของสัญญา
- ราคาของสัญญาฟิวเจอร์ส (ต้นทุนใหม่ ณ วัน Ex-Date)
- ขนาดของสัญญา (Contract Size)
- จำนวนของสัญญาที่เปิดอยู่ หรือ ฐานะคงค้าง (Open Position)
- การชำระเป็นเงินสด (รับ/จ่าย)
วิธีการปรับเงื่อนไขสัญญา
การปรับเงื่อนไขสัญญาจึงแบ่งออกเป็นสองกลุ่มได้แก่
- มีวิธีการปรับเงื่อนไขแบบมาตรฐาน
ปัจจุบัน ตลาดอนุพันธ์กำหนดสูตรมาตรฐานเป็นแนวทางการปรับเงื่อนไขสำหรับกรณีหลัก ๆ ดังนี้
- กรณีการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น (Stock Split หรือ Reversed Stock Split)
- กรณีจ่ายปันผลเป็นหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Bonus Issue หรือ Stock Dividend)
- กรณีจ่ายเงินปันผลพิเศษ (Extraordinary Cash Dividend)
- กรณีเพิ่มทุนโดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นใหม่ (Right Offering หรือ Right Issue)
- ไม่มีวิธีการปรับเงื่อนไขแบบมาตรฐาน
เมื่อเกิด Corporate Action กรณีอื่น ๆ ที่ไม่มีวิธีการปรับเงื่อนไขแบบมาตรฐาน ตลาดอนุพันธ์จะเป็นพิจารณาว่า:
- Corporate Action ใดบ้างที่เข้าข่ายจะต้องปรับหรือไม่ต้องปรับเงื่อนไขสัญญา
- วิธีที่จะใช้ในการปรับเงื่อนไขสัญญา (ถ้ามีการปรับเงื่อนไขสัญญา)
นอกจากนั้น ตลาดอนุพันธ์โดยความเห็นชอบของผู้จัดการอาจพิจารณาปรับเงื่อนไขสัญญาของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแตกต่างไปจากวิธีที่เสนอได้ตามที่เห็นว่าเหมาะสม ในกรณีที่เห็นว่ากรณีที่พิจารณานั้นมีรายละเอียดและมีพื้นฐานที่แตกต่างจากลักษณะทั่วไป
การปรับเงื่อนไขสัญญาแบบมาตรฐาน
การปรับเงื่อนไขสัญญาแบบมาตรฐานทั้งสี่กรณีที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้นจะมีการปรับเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- รหัสของสัญญา
เงื่อนไขในสัญญาบางอย่างเช่น ชื่อสินค้าอ้างอิง ขนาดสัญญา ราคาของสัญญา หรือจำนวนสัญญา เป็นต้น ตลาดอนุพันธ์จะเพิ่มตัวอักษร 1 ตัวหลังชื่อสัญญาของ Single Stock Futures เพื่อบ่งบอกว่ามีการปรับเงื่อนไขสัญญาเกิดขึ้นดังนี้
- X แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 1
- Y แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 2
- Z แทนการปรับเงื่อนไขสัญญาครั้งที่ 3
- ราคาของสัญญาฟิวเจอร์ส (ต้นทุนใหม่ ณ วัน Ex-Date)
- ราคาของสัญญาฟิวเจอร์สใหม่ = ราคาของสัญญาฟิวเจอร์สเก่า x F
- การปรับขนาดของสัญญา (Contract Size)
- ขนาดของสัญญาใหม่ = ขนาดของสัญญาเก่า / F
โดย F คือ Adjustment Factor ซึ่งมีวิธีคำนวณขึ้นกับกรณีของ Corporate Action อันได้แก่
- การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น (Stock Split หรือ Reversed Stock Split)
บริษัท ABC เปลี่ยนมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ราคาพาร์) ทำให้จำนวนหุ้นเดิม X หุ้นเปลี่ยนแปลงเป็น Y หุ้น
- ถ้า Y > X เรียกว่า Stock Split
- ถ้า Y < X เรียกว่า Reverse Stock Split
- จ่ายปันผลเป็นหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน (Bonus Issue หรือ Stock Dividend)
บริษัท ABC ให้หุ้นปันผลแก่ผู้ถือให้เดิมในอัตรา B หุ้นเดิม ต่อ A หุ้นใหม่
- กรณีจ่ายเงินปันผลพิเศษ (Extraordinary Cash Dividend)
บริษัท ABC จ่ายเงินปันผลพิเศษจำนวน D บาทต่อหุ้น (S = ราคาปิดของหุ้นอ้างอิง ณ 1 วันก่อน Ex-Date)
- กรณีเพิ่มทุนโดยให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมจองซื้อหุ้นใหม่ (Right Offering หรือ Right Issue)
บริษัท ABC ให้สิทธิผู้ถือหุ้นสามัญในอัตรา B หุ้นเดิม ต่อ A หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ C บาท (S = ราคา
ตัวอย่างการคำนวณการปรับเงื่อนไขสัญญาแบบมาตรฐาน
กรณี Stock Split
บริษัท PTTEP เปลี่ยนมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (ราคาพาร์) จากหุ้นละ 5 บาท เป็นหุ้นละ 1 บาท (Split 1 หุ้นเดิมเป็น 5 หุ้นใหม่)
ข้อมูลของสัญญา ณ 1 วัน ก่อน Ex-date
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
PTTEPH09 |
86 |
1,000 |
2,500 |
PTTEPM09 |
87 |
1,000 |
1,500 |
PTTEPU09 |
88 |
1,000 |
120 |
PTTEPZ09 |
89 |
1,000 |
30 |
สามารถคำนวณ Adjustment Factor (F) ได้ดังนี้
ข้อมูลของสัญญา ณ วัน Ex-date จะเปลี่ยนเป็น
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
PTTEPH09X |
86 x 0.2 = 17.2 |
1,000 / 0.2 = 5,000 |
2,500 |
PTTEPM09X |
87 x 0.2 = 17.4 |
1,000 / 0.2 = 5,000 |
1,500 |
PTTEPU09X |
88 x 0.2 = 17.6 |
1,000 / 0.2 = 5,000 |
120 |
PTTEPZ09X |
89 x 0.2 = 17.8 |
1,000 / 0.2 = 5,000 |
30 |
กรณี Bonus Issue หรือ Stock Dividend
บริษัท PTT ประกาศให้หุ้นปันผลแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่
ข้อมูลของสัญญา ณ 1 วัน ก่อน Ex-date
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
PTTH09 |
155 |
1,000 |
2,000 |
PTTM09 |
156 |
1,000 |
1,000 |
PTTU09 |
157 |
1,000 |
100 |
PTTZ09 |
158 |
1,000 |
20 |
สามารถคำนวณ Adjustment Factor (F) ได้ดังนี้
ข้อมูลของสัญญา ณ วัน Ex-date จะเปลี่ยนเป็น
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
PTTH09X |
155 x 0.8 = 124 |
1,000 / 0.8 = 1,250 |
2,000 |
PTTM09X |
156 x 0.8 = 124.8 |
1,000 / 0.8 = 1,250 |
1,000 |
PTTU09X |
157 x 0.8 = 125.6 |
1,000 / 0.8 = 1,250 |
100 |
PTTZ09X |
158 x 0.8 = 126.4 |
1,000 / 0.8 = 1,250 |
20 |
กรณี Extraordinary Cash Dividend
บริษัท ABC ประกาศจ่ายเงินปันผลพิเศษเท่ากับ 5 บาท โดยราคาปิด ABC ณ 1 วัน ก่อน Ex-Date เท่ากับ 50 บาท
ข้อมูลของสัญญา ณ 1 วัน ก่อน Ex-date
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
ABCH09 |
51 |
1,000 |
3,000 |
ABCM09 |
51.5 |
1,000 |
1,200 |
ABCU09 |
52 |
1,000 |
400 |
ABCZ09 |
52.5 |
1,000 |
50 |
สามารถคำนวณ Adjustment Factor (F) ได้ดังนี้
ข้อมูลของสัญญา ณ วัน Ex-date จะเปลี่ยนเป็น
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
ABCH09X |
51 x 0.9 = 45.9 |
1,000 / 0.9 = 1,111 |
3,000 |
ABCM09X |
51.5 x 0.9 = 46.35 |
1,000 / 0.9 = 1,111 |
1,200 |
ABCU09X |
52 x 0.9 = 46.8 |
1,000 / 0.9 = 1,111 |
400 |
ABCZ09X |
52.5 x 0.9 = 47.25 |
1,000 / 0.9 = 1,111 |
50 |
กรณี Right Offering หรือ Right Issue
บริษัท DEF ประกาศให้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญแก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 35 บาท และราคาปิดของหุ้น DEF ก่อนวัน Ex-Date 1 วันเท่ากับ 50 บาท
ข้อมูลของสัญญา ณ 1 วัน ก่อน Ex-date
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
DEFH09 |
50 |
1,000 |
3,500 |
DEFM09 |
50.5 |
1,000 |
1,400 |
DEFU09 |
51 |
1,000 |
600 |
DEFZ09 |
52 |
1,000 |
70 |
สามารถคำนวณ Adjustment Factor (F) ได้ดังนี้
ข้อมูลของสัญญา ณ วัน Ex-date จะเปลี่ยนเป็น
สัญญา |
ราคาของสัญญา |
ขนาดของสัญญา |
ฐานะคงค้าง |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
DEFZ09X |
52 x 0.9 = 46.8 |
1,000 / 0.9 = 1,111 |
70 |
การหยุดการซื้อขาย (Circuit Breaker)
ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้ราคาสูงสุดในวันทำการซื้อขาย (Ceiling Price) ไม่เกิน +30% และราคาต่ำสุด (Floor Price) ไม่ต่ำกว่า 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดอนุพันธ์กำหนดให้มี Circuit Breaker ซึ่งอ้างอิงกับ Circuit Breaker ของตลาดหลักทรัพย์ โดยถ้าตลาดหลักทรัพย์หยุดการซื้อขายอันเนื่องมาจาก
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 10% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 20% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
- ราคาของดัชนี SET ตกลงถึง 30% จากราคาเพื่อการชำระราคา (Daily Settlement Price) ของวันทำการก่อนหน้า
ตลาดอนุพันธ์จะหยุดการซื้อขายด้วยเช่นกัน
กรณี Combination order ตลาดอนุพันธ์กำหนดราคาสูงสุดต่ำสุดในแต่ละวันโดยใช้ Daily Settlement Price ล่าสุดของเดือนไกล ลบด้วยเดือนใกล้ (Far - Near) +10 บาท เป็นราคาสูงสุด และ 10 บาท เป็นราคาต่ำสุดของ series คู่นั้นๆ
นอกจากนั้น ถ้าหุ้นสามัญซึ่งเป็นสินค้าอ้างอิงของ Single Stock Futures ถูกหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Halted หรือ Suspended) ในตลาดสินค้าอ้างอิง ตลาดอนุพันธ์จะหยุดการซื้อขายสัญญา Single Stock Futures ของสินค้าอ้างอิงที่ถูกหยุดการซื้อขายเป็นการชั่วคราว (Halted หรือ Suspended) ด้วย
การถือครองฐานะจนสิ้นสุดอายุสัญญา
สัญญา Single Stock Futures ที่ถูกถือครองจนครบอายุจะถูก Mark-to-Market ณ สิ้นวันซื้อขายวันสุดท้ายของสัญญารุ่นนั้นๆเป็นการชำระราคาครั้งสุดท้าย นักลงทุนผู้ถือครองจะได้ส่วนต่างระหว่างต้นทุนสุดท้ายที่ถืออยู่กับราคาเพื่อการชำระราคาครั้งสุดท้าย (Final Settlement Price) ถือเป็นการปิดฐานะสัญญาไปโดยอัตโนมัติ
นักลงทุนมีภาระในการชำระค่านายหน้าซื้อขายจากการชำระราคาครั้งสุดท้ายนี้ด้วย
จำนวนการถือครองสูงสุด (Speculative Position Limit)
สำหรับหุ้นอ้างอิงแต่ละหุ้น นักลงทุนห้ามมีฐานะสุทธิในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Single Stock Futures ในเดือนในเดือนหนึ่งหรือทุกเดือนรวมกันเกินกว่า 20,000 สัญญา หรือจำนวนที่ตลาดอนุพันธ์ประกาศกำหนด ยกเว้นบุคคลที่ได้รับอนุญาตจากตลาดอนุพันธ์ให้ถือครองสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเกินกว่าจำนวนดังกล่าว
โดยตลาดอนุพันธ์กำหนดให้จำนวนการถือครองสูงสุดนี้เท่ากับ 5,000 สัญญาก่อนในช่วงแรก (ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย. 2551 ถึง 31 มี.ค. 2552)
ระดับต้องรายงาน (Reportable Limit)
สำนักงาน กลต. และ ตลาดอนุพันธ์ กำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องรายงานรายชื่อของนักลงทุนที่ถือครองฐานะสัญญาซื้อขายล่วงหน้าสุทธิใน Single Stock Futures ที่มีสินค้าอ้างอิงเป็นหุ้นสามัญใดหุ้นสามัญหนึ่งที่หมดอายุเดือนใดเดือนหนึ่งหรือทุกเดือนรวมกันตั้งแต่ 500 สัญญาขึ้นไป อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังสามารถเพิ่มการถือครองได้จนไม่เกินระดับวงเงินอนุมัติ หรือ จำนวนการถือครองสูงสุด (Speculative Position Limit) ตามประกาศของตลาดอนุพันธ์
กลยุทธ์ซื้อขาย
การเก็งกำไรทิศทาง
Single Stock Futures เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่สามารถช่วยให้นักลงทุนสามารถเก็งกำไรได้ทั้งในภาวะที่หุ้นขึ้นและในภาวะที่หุ้นลง เพราะ Single Stock Futures นั้นไม่มีการส่งมอบจริงระหว่างคู่สัญญา แต่ใช้วิธีชำระราคาเป็นเงินสด ซึ่งเป็นกระบวนการจ่ายหรือรับเงินตามกำไรขาดทุนที่เกิดจากส่วนต่างระหว่างราคาซื้อขายกับราคาที่ใช้ชำระราคา อันเป็นผลให้นักลงทุนสามารถทำธุรกรรมดังต่อไปนี้ได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
- ซื้อก่อน ขายทีหลัง เพื่อใช้เก็งกำไรในภาวะหุ้นขึ้น
- ขายก่อน ซื้อคืนทีหลัง เพื่อใช้เก็งกำไรในภาวะหุ้นลง
เมื่อเปรียบเทียบการซื้อขาย Single Stock Futures กับการซื้อขายหุ้นอ้างอิงโดยตรง เราจะพบความเหมือนและความแตกต่างดังนี้
|
ซื้อขายหุ้น |
ซื้อขาย Single Stock Futures |
ซื้อก่อน ขายทีหลัง |
ทำได้ทันที |
ทำได้ทันที |
ขายก่อน ซื้อคืนทีหลัง |
ต้องยืมหุ้นก่อนแล้ว Short Sell |
ทำได้ทันที |
|
ปกติสูงกว่า |
ปกติต่ำกว่า |
ปริมาณซื้อขายขั้นต่ำ |
100 หุ้น |
1 สัญญา (1,000 หุ้น ต่อ สัญญา) |
เงินปันผลปกติ |
- ผู้ซื้อได้รับเงินจริง
- ผู้ยืมหุ้นมา Short Sell ต้องชดใช้เงินปันผลให้กับผู้ให้ยืมหุ้น
|
- ผู้ซื้อไม่ได้รับ
- ผู้ขายไม่ต้องจ่าย
|
|
เป็นไปตามปกติ |
อาจจะมีการปรับเงื่อนไขสัญญา |
การชำระราคา |
ส่งมอบจริง |
ชำระกำไร/ขาดทุนเป็นเงินสด |
กำไร/ขาดทุน |
- ผู้ซื้อรับรู้เมื่อขาย
- ผู้ขายรับรู้เมื่อซื้อคืน
|
- ผู้ซื้อรับรู้ทุกสิ้นวัน
- ผู้ขายรับรู้ทุกสิ้นวัน
|
การวางหลักประกัน |
- ไม่มีในบัญชี Cash ATS
- ไม่มีในบัญชี Cash Balance
- มีในบัญชี Credit Balance
|
มีการคิดหลักประกันด้วยระบบ SPAN นักลงทุนต้องวางหลักประกันก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย |
|
50% - 100% |
ประมาณ 10% - 20% |
กลยุทธ์ซื้อขายส่วนต่างระหว่างฟิวเจอร์สต่างประเภทกัน
นอกเหนือจากการซื้อขายเพิ่อเก็งกำไรบนทิศทางของหุ้นอ้างอิงแล้ว นักลงทุนยังสามารถทำกลยุทธ์อื่นที่ใช้สัญญาฟิวเจอร์ส 2 สัญญาพร้อมกันได้ โดยกลยุทธ์ที่นิยมมี 3 กลยุทธ์คือ
1. กลยุทธ์ Calendar Spread
องค์ประกอบของกลยุทธ์
กลยุทธ์ Calendar Spread หรือที่อาจจะรู้จักกันในชื่อ กลยุทธ์ Inter-Month Spread เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วย
- การซื้อ สัญญาฟิวเจอร์ส 1 สัญญา
- การขาย สัญญาฟิวเจอร์ส 1 สัญญา (สินค้าอ้างอิงเดียวกัน แต่เดือนหมดอายุไม่ตรงกัน)
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ PTTU08 และ ขาย PTTZ08 (ซื้อใกล้ ขายไกล)
- ขาย ADVANCM09 และ ซื้อ ADVANCU09 (ซื้อไกล ขายใกล้)
วัตถุประสงค์ในการใช้กลยุทธ์
- นักลงทุนมีฐานะในสัญญาซึ่งไม่มีสภาพคล่องมากพอ แต่ต้องการปิดฐานะ
ตัวอย่างเช่น สมมุติ ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 นาย ก มีสถานะซื้อในสัญญา PTTZ09 และตลาดหุ้นได้ปรับตัวลงมามากแล้ว ทำให้ต้องการปิดสถานะ แต่ทว่าสัญญา PTTZ09 เป็นสัญญาที่ไกลที่สุดทำให้ไม่ค่อยมีสภาพคล่อง
ดังนั้น นักลงทุนควรขาย PTTH09 หรือ PTTM09 ในจำนวนเท่ากันเพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อน (หยุดขาดทุน) และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อมีสภาพคล่องเพียงพอ
- นักลงทุนมีฐานะในสัญญาหนึ่งต้องการปิดฐานะ แต่มีสัญญาอื่นที่มีราคาดีกว่ามาก
ตัวอย่างเช่น สมมุติ ณ วันที่ 1 มีนาคม 2552 นาย ก มีสถานะซื้อในสัญญา ADVANCM09 และต้องการปิดสถานะเพราะราคาปรับตัวขึ้นมาสูงมากแล้ว ทว่า สัญญา ADVANCU09 มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับ ADVANCM09
ดังนั้น นักลงทุนควรขาย ADVANCU09 ในจำนวนเท่ากันเพื่อป้องกันความเสี่ยง ก่อน (ล็อคกำไร) และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อราคาของ ADVANCM09 เพิ่มขึ้นเทียบกับ ADVANCU09
- เก็งกำไรส่วนต่างของราคาโดยตรง
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบัน ผลต่างของราคา (PTTEPZ09 PTTEPU09) เท่ากับ 2 บาท แต่นักลงทุนคาดว่า ผลต่างของราคา (PTTEPZ09 PTTEPU09) จะลดลง
ดังนั้น นักลงทุนจึงส่งคำสั่งขาย PTTEPU09Z09 ที่ราคา 2 บาท และค่อยปิดสัญญาทั้งสองภายหลังเมื่อผลต่างของราคา (PTTEPZ09 PTTEPU09) ลดลงโดยการส่งคำสั่งซื้อ PTTEPU09Z09
ข้อควรทราบ
- การซื้อขายของกลยุทธ์นี้คือ ต้นทุนไป-กลับ จะสูงกว่าต้นทุนของการซื้อขายเก็งกำไรทิศทางปกติประมาณ 2 เท่า
- กลยุทธ์ Calendar Spread สามารถส่งคำสั่งซื้อขายด้วย Combination Order ได้
2. กลยุทธ์ Inter-Commodity Spread
องค์ประกอบของกลยุทธ์
กลยุทธ์ Inter-Commodity Spread เป็นกลยุทธ์ที่ประกอบด้วย
- การซื้อ สัญญาฟิวเจอร์ส X สัญญา
- การขาย สัญญาฟิวเจอร์ส Y สัญญา (สินค้าอ้างอิงไม่ตรงกัน แต่มีประเภท Market เดียวกัน)
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ PTTZ09 และ ขาย PTTEPZ09
- ขาย PTTEPM09 และ ซื้อ PTTM09
วัตถุประสงค์ในการใช้กลยุทธ์
นักลงทุนคาดว่าสินค้าอ้างอิงหนึ่งจะมีผลตอบแทนสูงกว่า (Outperform) สินค้าอ้างอิงอีกอันหนึ่ง
ตัวอย่างเช่น นาย ก คาดว่า PTT น่าจะ Outperform PTTEP (คาดว่าส่วนต่างของผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มขึ้น)
ดังนั้น นักลงทุนสามารถทำ Inter-Commodity Spread ได้โดย
- ซื้อ PTTM09 ที่ราคา 164 บาท จำนวน 7 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ซื้อเท่ากับ 164 x 7 x 1,000 = 1,148,000 บาท)
- ขาย PTTEPM09 ที่ราคา 96 บาท จำนวน 12 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ขายเท่ากับ 96 x 12 x 1,000 = 1,152,700 บาท)
เมื่อต้องการปิดฐานะนักลงทุนสามารถทำได้โดย ขาย PTTM09 จำนวน 7 สัญญา และซื้อ PTTEPM09 จำนวน 12 สัญญา
ข้อควรทราบ
- การซื้อขายของกลยุทธ์นี้คือ ต้นทุนไป-กลับ จะสูงกว่าต้นทุนของการซื้อขายเก็งกำไรทิศทางปกติประมาณ 2 เท่า
- กลยุทธ์ Inter-Commodity Spread ไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายด้วย Combination Order ได้
3. กลยุทธ์ Inter-Market Spread
องค์ประกอบของกลยุทธ์
- การซื้อ สัญญาฟิวเจอร์ส X สัญญา
- การขาย สัญญาฟิวเจอร์ส Y สัญญา (สินค้าอ้างอิงไม่ตรงกัน และมีประเภท Market ต่างกัน)
ตัวอย่างเช่น
- ซื้อ S50Z09 และ ขาย ADVANCZ09
- ขาย PTTM09 และ ซื้อ S50M09
วัตถุประสงค์ในการใช้กลยุทธ์
นักลงทุนคาดว่าสินค้าอ้างอิงหนึ่งจะมีผลตอบแทนสูงกว่า (Outperform) สินค้าอ้างอิงอีกอันหนึ่ง ที่มีประเภท Market ต่างกัน
ตัวอย่างเช่น นาย ก คาดว่า ADVANC น่าจะ Outperform ดัชนี SET50 (คาดว่าส่วนต่างของผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์จะเพิ่มขึ้น)
ดังนั้น นักลงทุนสามารถทำ Inter-Market Spread ได้โดย
- ซื้อ S50U09 ที่ราคา 300.8 จุด จำนวน 1 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ซื้อเท่ากับ 300.8 x 1 x 1,000 = 300,800 บาท)
- ขาย ADVANCU09 ที่ราคา 75.9 บาท จำนวน 4 สัญญา
(มูลค่าสัญญาที่ขายเท่ากับ 75.9 x 4 x 1,000 = 303,600 บาท)
เมื่อต้องการปิดฐานะนักลงทุนสามารถทำได้โดย ขาย S50U09 จำนวน 1 สัญญา และซื้อ ADVANCM09 จำนวน 4 สัญญา
ข้อควรทราบ
ข้อควรระวังในการซื้อขายของกลยุทธ์นี้คือ ต้นทุนไป-กลับ จะสูงกว่าต้นทุนของการซื้อขายเก็งกำไรทิศทางปกติประมาณ 2 เท่า
กลยุทธ์อาร์บิทราจ (Arbitrage)
กลยุทธ์ Arbitrage เป็นกลยุทธ์ที่มีเป้าเหมายในการสร้างกำไรที่ปราศจากความเสี่ยง โดยการที่จะทำกลยุทธ์นี้ได้สำเร็จจะขึ้นอยู่กับการคำนวณหาราคาทฤษฎีที่ถูกต้อง เมื่อเราสามารถคำนวณราคาทฤษฎีได้แล้ว เรานำมาเปรียบเทียบกับราคาตลาดของสินค้าอ้างอิงรวมกับต้นทุนการซื้อขายสุทธิ เราจะทราบว่าเมื่อไรเราสามารถทำ Arbitrage ได้ และได้กำไรประมาณเท่าไร
ราคาทฤษฎีของ Single Stock Futures
นักลงทุนสามารถคำนวณได้จากสูตร
FFair = [S PV(Div.)] x (1+ R)Day/365
โดย
FFair = ราคาทฤษฎีของ Single Stock Futures
S = ราคาตลาดของหุ้นอ้างอิง
PV(Div.) = Present Value ของเงินปันผลที่มีวัน Ex-date อยู่ในอายุของสัญญา
R = อัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง (%)
Day = อายุคงเหลือของสัญญาเป็นจำนวนวัน
การตัดสินใจทำ Arbitrage
กำหนดให้ FMarket เป็นราคาตลาดของ Single Stock Futures นักลงทุนจะสามารถตัดสินใจทำ Arbitrage ได้จากปัจจัยต่อไปนี้
- ถ้า FMarket > F Fair + ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
ขาย Futures 1 สัญญา พร้อมกับ ซื้อ หุ้น 1,000 หุ้น
และมีกำไรเท่ากับ FMarket F Fair - ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
- ถ้า FMarket < F Fair ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
ซื้อ Futures 1 สัญญา พร้อมกับ ขาย หุ้น 1,000 หุ้น
และมีกำไรเท่ากับ F Fair FMarket ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
ข้อควรทราบ
จำนวนหุ้นที่จะซื้อขายในกลยุทธ์นี้จะเท่ากับขนาดของสัญญา (Multiplier) ดังนั้นนักลงทุนจะต้องสังเกตขนาดสัญญา (Multiplier) หลัง Ex-Date ดี ๆ
ตัวอย่างเช่น
นักลงทุนสามารถคำนวณ Fair Price ได้ดังนี้
ต้นทุนในการซื้อขายหุ้น (ไปกลับ) ประมาณ 0.60 บาท ต่อหุ้น
ต้นทุนในการซื้อขายฟิวเจอร์ส (ไปกลับ) ประมาณ 0.42 บาท ต่อหุ้น
ต้นทุนสุทธิ (โดยประมาณ) เท่ากับ 1.02 บาทต่อหุ้น
สมมุติให้
- FUpper Bound = F Fair + ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
- FLower Bound = F Fair ต้นทุนซื้อขายหุ้นและฟิวเจอร์ส (ไป-กลับ)
เราจึงสามารถคำนวณเพิ่มเติมได้ดังนี้
ดังนั้นถ้าราคาตลาดของ Single Stock Futures ต่ำกว่า FLower Bound นักลงทุนจะสามารถทำกลยุทธ์ Arbitrage โดย
- ซื้อ Futures 1 สัญญา พร้อมกับ ขาย หุ้น 1,000 หุ้น
- และมีกำไรเท่ากับ (FLower Bound F Market) x 1,000 หุ้น
ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาตลาดของ Single Stock Futures สูงกว่า FLower Bound นักลงทุนจะสามารถทำกลยุทธ์ Arbitrage โดย
- ขาย Futures 1 สัญญา พร้อมกับ ซื้อ หุ้น 1,000 หุ้น
- และมีกำไรเท่ากับ (F Market FUpper Bound) x 1,000 หุ้น
ค่านายหน้าซื้อขายและค่าธรรมเนียม
Single Stock Futures
บริษัทฯ กำหนดค่านายหน้าสำหรับ Single Stock Futures (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) สำหรับการซื้อขายแบบปกติ (Offline) และการซื้อขายผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) ดังนี้
* ราคาสัญญา เป็นราคาเฉลี่ย 1 เดือนย้อนหลังซึ่งคำนวณโดย TFEX และ TCH
มูลค่าสัญญาหมายถึงราคาซื้อขายคูณด้วยขนาดของสัญญา
ตัวอย่างเช่น
- นักลงทุนซื้อสัญญา BAYZ11 1 สัญญา ที่ราคา 27.00 บาท ผ่านการซื้อขายแบบปกติ (Offline) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ (27 x 1,000 x 0.10%) + 0.50 = 27.50 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา BAYZ11 1 สัญญา ที่ราคา 27.00 บาท ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ (27 x 1,000 x 0.09%) + 0.50 = 24.80 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา BANPUZ11 1 สัญญา ที่ราคา 700 บาท ผ่านการซื้อขายแบบปกติ (Offline) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ (700 x 1,000 x 0.10%) + 5 = 705 บาท
- นักลงทุนซื้อสัญญา BANPUZ11 1 สัญญา ที่ราคา 700 บาท ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต (Internet) นักลงทุนต้องจ่ายค่านายหน้า (ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เท่ากับ (700 x 1,000 x 0.09%) + 5 = 635 บาท
|